รู้ • ไม่รู้

•กุมภาพันธ์ 19, 2021 • ให้ความเห็น


• ไม่รู้ไรสักอย่าง ดีกว่ารู้หลายอย่างแบบผิดๆ
• รู้แล้วยังถาม ดีกว่ารู้แล้วทึกทัก พูด แล้วพูดผิด
• แบ่งความรู้ ดีกว่ารู้คนเดียว ตายไป ทำไง
• ฟังหน่อย เผื่อรู้เพิ่มว่าที่รู้อยู่มันถูกหรือไม่ถูก เดี๋ยวจะพูดผิดๆ เข้าใจผิดๆ
• คนเราไม่ต้องรู้ทุกอย่าง ก็ยังมีคุณค่า ยังดีกว่ารู้ทุกอย่างแบบรู้ถูกๆ ผิดๆ คุณค่าอาจจะหายไป
• รู้แล้วต้องรู้ให้ลึก ลึกจากต้นตอ ต้นตำรับ จะได้เข้าใจที่มาที่ไป รู้ผิวๆ ทำให้สวยได้ แต่ใช้งานไม่ได้อยู่ดี ซ่อมทีหลังพังกว่าเยอะ
• รู้เพื่อจะได้ทำมื้อนี้ให้อร่อย ไม่ใช่ทำให้สวย ถ่ายรูปโพสท์ได้อย่างเดียว บางจานหน้าตาอาจไม่น่ากิน แต่โคตรอร่อย เพราะคนทำรู้ขั้นตอนการทำ ไม่ใช่แค่โรยผักโปะไปให้ดูดี
• รู้แล้วว่าผิด ยอมรับ มีคนรักและให้อภัยเสมอ รู้แล้วว่าผิด แต่เฉยๆ หรือไม่ยอมรับ อาจไม่มีใครว่าไร แต่ไม่มีใครรักหรือให้อภัยแน่นอน
• ทำมาก่อน อาจไม่ได้รู้ก่อน บ่อยๆ ที่คนทำทีหลัง รู้ก่อนด้วยซ้ำไป
• อย่าเอาความเข้าใจของเราเป็นบรรทัดฐาน ถ้ายังไม่ได้คุยกับคนอื่นๆ เห็นเจ็บมาเยอะ
• อย่าคิดว่าตัวเองดีกว่าใคร เพราะคนเรามีดีไม่เหมือนกัน:)

รักนะ เลยบอก

สวัสดี Midlife Crisis

•สิงหาคม 25, 2019 • ให้ความเห็น

สวัสดี Midlife Crisis 🙏🏻🤗 – ช่วงนี้เจอเรื่องราวคนเขียน+พูดถึงความเป็นคนอายุ 40 เยอะอยู่ เดอะ แสตนดาร์ดนี่เบิ้ลอยู่หลายรอบ เมืองนอกก็จัดหนัก ตอน 25 เบญจเพศนี่มาแนวเคราะห์ แต่พอ 40 มาแนววิกฤติความสุข อันนึงเค้าบอกว่าความสุขของคนเรามีรูปร่างเหมือนตัว U มันพีคตอนเด็กกับแก่มาก แต่ช่วงกึ่งกลางชีวิตคนเราจะสุขน้อยสุด เฮ้ยละความสุขของเรามันตัว U แบบเค้าว่าไหม?

* ย้อนไปช่วง 20 ช่วงที่ตัวเองและคนรอบตัวน่าจะมีความสุขที่มีอิสระ ฉลองเรียนจบ ไปเที่ยว ไปเรียน ไปใช้ชีวิต ไปกันแบบยาวเป็นปี จำได้ว่ามันจะมีประโยคยอดฮิตคือ “ไปค้นหาตัวเอง” 😁 – เราก็เคยเปรี้ยวลาออกไปอินเดีย/เนปาลเป็นเดือน ต่อด้วยอังกฤษ อิตาลี รวมเมกาก็เป็นปี แล้วเจอตัวเองไหม? เจอฮะ เจอว่าตังหมด 555 แต่มันก็สุขพีคสุดจริงๆ

* ตอนช่วง 30 พอหาตัวเองเจอ ก็น่าจะเป็นความสุขที่หาคู่กันเจอด้วย 555 จำได้ว่าเป็นช่วงที่ไปงานแต่งเยอะที่สุด แบบเดี๋ยวแต่งๆ แล้วก็ซาลงเมื่อเข้าเลข 4 555 ซึ่งรออยู่ว่าใครจะแต่งอีก | งานตัวเองไม่จัด ถ้าจะมีจริงๆ ก็จัดบ้านฝน (คือเหมือนปาร์ตี้ปีใหม่อ่ะ 55 รองเท้าไม่ต้อง ใส่ชุดม่วงพอ)

* ตอนช่วง 40 ช่วง Midlife Crisis นี่ที่เจอบ่อยเลยน่าจะเป็นความสุขของสุขภาพ และความเปลี่ยนแปลง .. ทั้งๆ ที่ปาร์ตี้ลดลงกว่าสองช่วงแรกจนแทบจะเป็นศูนย์ แต่ดันมาเจอสัญญาณนั่นนี่ของตัวเองและคนรอบข้างที่มันต้องมีกันเกือบคนละ 1 อาการตามวาระ ถึงขั้นเข้ารพ. ผ่าตัดกันก็มี เป็นช่วงที่หลายคนนัดกันไปออกกำลังกายมากกว่าไปกินเบียร์ และเป็นช่วงที่มีข่าวการสูญเสียอยู่เป็นระยะ – ถ้าเทียบกับสองช่วงแรก มันก็เหมือนจะเป็นช่วงที่สุขน้อยสุด

* แล้วช่วง 50 ล่ะ – มันก็จะเลย Mid life ไปละ เพราะคงอยู่ไม่ถึง 100 ปี ความสุขตอนนั้นมันจะเป็นเพราะการค่อยๆ จำอะไรไม่ได้? หรือสุขภาพดีมีความสุขกับแม่กับแมว? หรืออาจจะแค่มีความสุขกับตัวเองแบบที่แก่แค่วัยแต่ใจไม่เคยแก่เลย? หรือจะไม่มีความสุขเพราะต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล?

น้องคนที่เขียนเรื่องในเดอะ สแตนดาร์ด เค้าบอกว่าจากที่เคยหาข้อมูลและวิจัยเรื่องความสุขมาเจอว่า “ความสุขจะมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดอายุประมาณ 40 ต้นๆ หลังจากนั้นก็จะเริ่มกลับมามีความสุขขึ้นอีกครั้งหลังจากอายุ 40 กว่าๆ เป็นต้นไป” …

ถอดรหัส Midlife Crisis ทำไมคนอายุเข้าเลข 4 ถึงมีความสุขน้อยที่สุด

เกรงว่า ถ้าเข้าช่วงแก่กว่านี้ แทนที่จะเป็นช่วงแฮปปี้ จะกลายเป็นช่วงที่จำไม่ได้ว่ามีความสุข เพราะดันความจำเสื่อมซะก่อนน่ะสิ

เอาจริงๆ ไม่ว่าช่วงอายุไหน #มาตรฐานความสุขก็จากตัวเรา ป่าวว้า ถ้าเมื่อวานสุขมากก็ทำให้สุขเท่าเมื่อวาน ถ้าเมื่อวานสุขน้อย ก็ทำให้สุขกว่าเมื่อวาน .. และไม่ต้องเทียบกับใคร เพราะคนเราใช้เวลากับแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน มันก็น่าจะทำให้เรามีความสุข #และช่วงmidlifeเราก็จะไม่crisis ถึงผมจะร่วงก็ตาม 🤗

อายุขึ้นเลข 4 อย่างไรไม่ให้เกิด Midlife Crisis คำแนะนำสู่การตกผลึกชีวิตในวัยกลางคน

http://theconversation.com/is-the-midlife-crisis-a-real-thing-105510

#ภาพประกอบจากตั้ม

22 February 2019

•กุมภาพันธ์ 28, 2019 • ให้ความเห็น

“ระยะไหนแล้วนะ .. ระยะสบายใจ”

เราเริ่มใช้คำถามนี้เวลาทักทายกันตั้งแต่ปีที่แล้ว “พ่อเป็นไงมั่งงงงง” และเราก็จะได้คำตอบว่า “สบายมาก สู้ๆ” แต่วันนี้ มันไม่มีคำตอบนั้นแล้ว

สิ่งนึงที่พ่อไม่อยากให้เกิดกับเค้าคือการอยู่ต่อแบบทรมาน พ่อไม่อยากให้เวลาที่เหลืออยู่เป็นการนอนติดเตียง ต้องเจาะคอ เจาะปอด หรือให้อาหารทางท่อหายใจ หรือแม้แต่ปั๊มหัวใจ และการพยุงรักษาอื่นๆ ที่ทำให้ยังหายใจต่อได้ พ่อคิดว่ามันอาจแค่ช่วยให้มีลมหายใจและสายตาที่คอยมองแม่และลูก แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ซึ่งมันจะกลายเป็นความทรมานกว่าการปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ พ่อบอกว่าไม่ว่าหมอบอกอะไร พยาบาลบอกอะไร ขอให้บอกพ่อตรงๆ การเปิดใจและรับฟัง มันทำให้เรามีสติเสมอในการรับรู้สถานะของเรา และให้เรารับมือกับความจริง ที่ไม่ต้องหลอกตัวเองหรือครอบครัว พ่อได้บอกเจตนานี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และร่วมทำสมุดเบาใจเพื่อให้พวกเราเข้าใจว่าอย่าทำกับพ่อแบบนั้น อย่ายื้อในสิ่งที่ทำให้มันแย่ลง พ่อจะไม่ห่วงถ้านิวยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ดูแลแม่ให้มีความสุข และให้เวลากับตัวเองให้มากที่สุดเหมือนตอนที่พ่อสบายดี เพื่อที่ถ้าถึงเวลา พ่อจะได้ไม่ต้องห่วงอะไร หรือมัวแต่มากังวลว่าถ้าพ่อไม่รู้ตัวแล้ว นิวกับแม่จะมาพยายามรักษาพ่อในสิ่งที่พ่อไม่อยากให้ทำ พ่อบอกว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจที่ตรงกันของเราสามคน อย่าให้คำพูดคนอื่นมาทำให้เราคิดว่าเรากำลังทำสิ่งที่ไม่ดีต่อพ่อ เพราะพ่อรู้ว่านิวรักพ่อมาก และเราเติบโตมากับการรับรู้ความจริงที่ว่าเรามีพบ เรามีจาก ถ้าเรารักกันเราจะไม่ทรมานกันและกัน ทุกอย่างมีเงื่อนไขและอายุขัยของมัน สิ่งที่พ่อทำให้นิวกับแม่ และที่แม่กับนิวทำให้พ่อ มันเพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิตมาถึงวันนี้” พ่อบอกลาแบบนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังคงพูดซ้ำๆ ให้เข้าใจว่านับจากวันที่เราตกลงเรื่องการดูแลพ่อในวันนั้น มันคือโบนัสของชีวิต จงอย่าอยู่กับความเศร้า แต่อยู่กับความสุขที่เราได้รับเพิ่มขึ้นมา และอย่าลืมที่จะใช้เวลาและชีวิตของตัวเองให้คุ้มค่าเหมือนที่ทำมาตลอด พ่อจะไม่สบายใจถ้านิวละทิ้งการพักผ่อนที่ควรเป็น หรือหยุดงาน หรือนั่งหน้าอมทุกข์ เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว

พ่อบอกว่าพ่อไม่ต้องห่วงอะไรแล้วเนอะ ดูแล้วทุกคนใช้ชีวิตต่อได้ ถ้าถึงเวลาต้องไป วันไหนเหงาจะแวะมาหา 🙂 และตั้งแต่วันนั้นหมอก็ใส่ wristban สีเขียวไว้ที่มือพ่อ เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ทำการช่วยเหลือใดๆ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมัน

ปีที่แล้วตอนที่พ่อเริ่มเล่าอาการ พวกเราค่อยๆ หาสาเหตุ และมาพบสาเหตุก็เมื่อตอนที่นึกว่าสายแต่กลายเป็นว่าเรายังมีเวลาเตรียมตัว เพราะคีโมคอร์สแรก 6 ครั้งตอบสนองดีมาก ถึงแม้ก่อนจะให้คีโม หมอและพยาบาลบอกว่าอาจจะไม่เกินสองเดือน แต่สุดท้ายชีวิตที่เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล และด้วยใจที่สู้เสมอก็ทำให้ยังมีบางวันที่พ่อยังเดินออกมาหน้าบ้านสูดลมเย็นๆ ได้ แต่ก็รู้ล่ะ ว่าร่างกายคงบอบช้ำมาก ที่พยุงอยู่ทุกวันก็คือใจ ล้วนๆ เลย

คืนนั้นพ่อนอนหลับไปอย่างสงบ ตอนที่พบตัวยังอุ่นๆ อยู่ หมอทิ้งเวลาพร้อมใส่ท่อออกซิเจนต่ออีก 2 ชั่วโมง เผื่อจะมีปาฏิหาริย์ จนเข้าใจว่าพ่อหลับสบายแล้วจริงๆ พวกเราช็อคกับความกะทันหัน เพราะเพิ่งคุยกันดีๆ ก่อนหน้า แต่พอสติกลับมาเราก็ทบทวนแล้วว่าสิ่งที่เราต้องจัดการต่อคืออะไร แม่มีสิ่งนั้น เราช่วยกันซัพพอร์ต จริงๆ พวกเราเตรียมตัวเตรียมใจกันมาเกือบปีแล้ว และตอนนี้ช่วงโบนัสมันหมดแล้วจริงๆ เราเรียกสติทำตามสิ่งที่พ่อเคยบอกเจตนาไว้ว่าอยากให้งานเกิดขึ้นยังไง – อย่าไปรบกวนใคร อย่าบอกใครจนกว่างานจะเสร็จ และอย่าให้ตัวเองต้องอยู่กับช่วงเวลาของพิธีการต่างๆ นานไป ทุกอย่างมันเลยสั้น กระชับ ตามเจตนา เราอยากจะบอกคนที่เรารักและรักพ่อใจจะขาด แต่สิ่งที่พ่อขอไว้ “อย่าไปรบกวนใครนะนิว” แต่เราก็อดบอกเพื่อนรักไม่ได้ สุดท้ายเราต้องขอบคุณเพื่อนสนิทมิตรสหายกลุ่มเล็กๆ ที่ทราบข่าว และมาร่วมทำบุญด้วยใจกุศลพร้อมส่งพ่อไปกับเรา รวมถึงตัวแทนเพื่อนที่เดินทางมาเพื่อ “กอด” แทนเพื่อนๆ ในคืนแรกที่รู้ และอีกหลายๆ คนที่ส่งกำลังใจพร้อมร่วมทำบุญให้กับพ่อ

การทำพิธีการที่จบสิ้นแล้วเสร็จในหนึ่งวัน เราต้องขอบคุณพ่อที่คิดถึงความเศร้าโศกที่จะตามมา เพราะหากเราทำตามพิธีการแบบทั่วๆ ไป เราคงยังจมปลักกับความเศร้าหมองที่ไม่รู้จะครองสติได้แค่ไหน ถึงยังยืนได้ไม่เต็มร้อย แต่อย่างน้อยเราก็พอมีรอยยิ้มให้พ่อรู้ว่าไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะ

แม่ถามว่า แม่จะรู้สึกยังไงต่อไปเวลาที่แม่ต้องอยู่คนเดียว เวลาที่นิวไปทำงาน และแม่อยู่แบบไม่มีพ่อ เราบอกไม่ถูกหรอก แต่รู้สึกแค่ว่าพวกเราคงคิดถึงเค้ามาก และเสียใจที่วันนี้ไม่มีเค้าแล้ว และความรู้สึกนี้มันคงจะวนลูปไปตลอดชีวิตด้วยความคิดถึง แม่บอกว่าเราคงไม่รู้สึกว่าเราทำอะไรได้มากกว่านี้ใช่ไหม เรารีบตอบว่าใช่ เพราะที่ผ่านมาแม่ทำดีมากที่สุดที่คนคนนึงที่รักกันจะทำให้กันและกันได้แล้ว แล้วก็น้ำตาแตกทั้งคู่

พ่อไปพักผ่อนอย่างสบายแล้วนะ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรอีกแล้ว คืนที่ 3 ที่คนบอกว่าจิตจะกลับมาหา ปกติเราก็ไม่แน่ใจว่าเราเชื่อเรื่องพวกนี้แค่ไหน แต่คืนนั้นเราบอกว่าคิดถึงก็มาหาเลยนะ ช่วงเช้ามืดตีห้าครึ่งที่กำลังนอนหลับ ของจากหัวเตียงที่ไม่ได้วางหมิ่นเหม่ตกลงมาใส่หัวจนสะดุ้งตื่น ก็นึกว่ามอมมาวิ่งเล่น ปรากฎว่ามอมก็นอนอยู่ริมหน้าต่าง หากเป็นมอมมันเองก็คงวิ่งไวมาก แต่ถ้าเป็นพ่อ ก็ทักกันซะสะดุ้งเลย

วันนี้ไปทำบุญ 7 วันให้พ่อ มันผ่านไปเร็วมากจริงๆ และไปลอยอังคาร วินาทีที่รู้ว่าเราไม่มีพ่อแบบที่เป็นกายสัมผัสอีกต่อไปใจมันหวิวไม่เบา แต่ไม่ต้องห่วงแล้วนะพ่อ เราอาจจะเจอหรือไม่เจอกันอีก แต่ตอนที่เรามีสติรับรู้ เรามีช่วงเวลาที่เรียกว่าความรักและความอบอุ่นอย่างเต็มที่ เราโคตรมีความสุขที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อเลย

รักและคิดถึงพ่อเสมอ

| บันทึกส่งพ่อ | ทำบุญ 7 วัน | My one and only father

22.2.2019 & 28.2.2019

เริ่ม

•มีนาคม 15, 2018 • ให้ความเห็น

หลายๆ อย่างเริ่มได้เลย ถ้าคิดจะเริ่ม ไม่มีหรอกว่าถ้าม่เริ่มแล้วมันจะเกิดขึ้นเอง อาจจะจากเรา จากคนอื่น แต่ทำไมต้องรอเริ่มจากคนอื่น ทำไมไม่เริ่มที่เรา

เริ่ม

อ่ะ

เริ่มเลย

พร้อมไหมกับพร้อมเพย์ 

•กุมภาพันธ์ 2, 2017 • ให้ความเห็น

หลายๆ คนกังวลกับการให้รายละเอียดส่วนตัวที่บวกกับเรื่องเงินๆ ทองๆ จนไม่แน่ใจว่า .. รูปแบบใหม่ อย่าง Promtpay เป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้ายกับตัวเรา เหวอกันมารอบแรกตั้งแต่บัตรประชาชน Ship Card โอ๊ะ จะโดนแฮคข้อมูลไหม .. และอีกมากมาย พอมีอะไรเกี่ยวกับช่องทางออนไลน์ ทั้งเรื่องข้อมูลส่วนตัว เรื่องเงิน ก็เกิดประเด็นขึ้นทันที ยุคดิจิตอลก็จริง แต่ความปลอดภัยที่วางใจไม่ได้ ทำให้ประชาชนขอกังขากันสักนิดนึง บางคนโวยก่อนอ่านข้อมูล บางคนอ่านข้อมูลแล้วโวย แต่กลุ่มที่เข้าใจก็มี เรื่องแบบนี้แนะนำให้ศึกษากับตัว อย่าแค่อ่าน แค่ฟัง แต่เราต้องรู้ว่ามันดีหรือไม่ดีจริงๆ

หลายคนบอก

– ถ้าไม่บังคับก็ไม่ทำ

– มันปลอดภัยจริงเหรอ

– มันดียังไงบ้าง

– ประเทศอื่นเค้ามีไหม

– ไม่ทำได้ไหม

กระทรวงการคลัง เริ่มโครงการนี้เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้คนไทย ให้เข้ายุคสมัยกับเศรษฐกิจดิจิตัล ส่งเสริมให้เราจ่ายเงิน รับเงินผ่านรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งการจ่ายสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ การคืนภาษีต่างๆ การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่างๆ

ตอนเริ่มโครงการ ประชาชนงง “มันคืออะไร” “มันดีจริงไหม” ไม่ได้หมายถึงคนที่รู้แล้วเพราะยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่รู้ และอีกหลายคนที่ไม่สนใจ พอเริ่มมีข้อมูลว่ามันต้องผูกเลขบัญชีผ่านมือถือ หรือผ่านบัตรประชาชนก็ทำให้เกิดบทสนทนาแรกว่า มันจะปลอดภัยจริงรึ?

พอเริ่มรู้สึกว่ารัฐรู้รัฐเห็น แปลว่าชั้นกำลังแจกแจงรายรับรายจ่ายและโดนตรวจสอบภาษีได้โดยปริยายโดยชั้นอนุญาตเองงั้นหรือ?

ข้อดีที่เห็นก็มีเรื่องการแก้ปัญหาการจำเลขบัญชี โอนไม่ได้ ทำยาก จ่ายไม่เป็น ก็มี Promptpay มาทำให้มันง่ายขึ้น แต่ข้อเสียก็คือวิธีการมันสร้างความกังวลให้คนใช้งานไม่น้อย และคนวัยใกล้เกษียณในกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับการจ่ายการรับผ่านออนไลน์ หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ที่ห่วงความปลอดภัยในยุคดิจิตอล ก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าความน่ากลัวหรือน่าใช้นี่มันเรื่องเดียวหรือคนละเรื่องเดียวกัน ให้เบอร์โทรหรือบัตรประชาชน ในประเทศที่ยังมีคนโดนหลอกผ่านอินเตอร์เน็ตอยู่ทุกวี่ทุกวัน มันจะปลอดภัยจริงหรือ เลยเกิดความกังขาไม่อยากสมัครกันไปเลย

เดี๋ยวนะ ลองค่อยๆ มอง ถ้านึกถึงการใช้งานจริงๆ มันก็เหมาะกับหลายๆ คนตามอาชีพ ตามสถานการณ์ไม่น้อย  เช่น

– การขายของออนไลน์ ก็สะดวกขึ้น แล้วก็ผูกแค่บัญชีรับส่งเงินก็พอ ไม่ต้องยุ่งกับบัญชีส่วนตัวอื่นๆ ก็ได้

– ภาษี เรามีหน้าที่ต้องจ่าย และมีรายการลดหย่อนต่างๆ ที่ทำได้อีกเพียบ ที่ช่วยคืนเงินภาษีได้ครบหรือเกือบครบ กังวลเรื่องโชว์รายได้ด้วยหรือ

– ธุรกรรมต่างๆ ที่ทำกับธนาคารโดยไม่ได้ทำผ่าน Promptpay มันก็ไม่ได้ถูกเปิดเผย ก็เลือกทำผ่านเฉพาะสิ่งที่เราไว้ใจได้เท่านั้น มันแทบไม่ต่างกับบัญชีปกติที่ให้เลขบัตรประชาชน ให้เบอร์มือถือกับธนาคารอยู่แล้ว

– ถ้ากลัวโดนแฮก อืม… จริงๆ แล้วก็ยังดำเนินการผ่านระบบธนาคารเหมือนปกติอยู่ดี Promptpay มาอำนวยความสะดวกให้จัดการได้ง่ายขึ้น ส่วนการถอนเงินก็ยังทำด้วยตัวเองไม่ว่าจะทำผ่านแอพธนาคารหรือเอทีเอ็มหรือธนาคารเอง มีรหัสอะไรตามปกตินะ
+ ตอนรับ: ถ้าเรารับเงินคนอื่น เราแจ้งเลขบัตรหรือเบอร์โทร เค้าโอนให้เราง่าย เอาจริงๆส่วนตัวคิดว่าไม่น่ากังวลนะเรื่องความปลอดภัย ตัวเราเองก็ต้องหวาดระวังอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเลขบัตรประชาชน ปกติเราก็กรอกกันในเอกสารต่างๆ มากมาย ถ้าให้ได้ผลมันต้องมาพร้อมลายเซ็นต์

+ ตอนโอน: ถ้าเราโอนเงินให้คนอื่น เราจะโอนออกก็ต้องใส่รหัสที่ไม่เกี่ยวกับเบอร์โทรหรือเลขบัตรเลย ก็เหมือนใช้แอพโอน เราเท่านั้นที่รู้รหัส ถ้าไม่ให้รหัสกับใครเค้าก็เอาเงินออกไปไม่ได้ถึงจะรู้ข้อมูลอื่น

ลองอ่านเพิ่มเติมเรื่อง Promptpay กันต่อให้ละเอียด แล้วลองตัดสินใจว่าการสมัครมันแย่หรือจริงๆ ไม่แย่อย่างที่คิดกันเถอะ
https://www.it24hrs.com/2016/prompt-pay-any-id-e-payment/
แต่ถ้าใครที่ศึกษาแล้วและตัดสินใจทำ ก็ไม่ใช่แค่สมัครๆ ก็จบไป เพราะ Promtpay ก็มีโปรโมชั่นให้เลือกอีก จากแต่เดิมที่มีโปรเป็น standard อยู่แล้ว ตอนนี้ธนาคารต่างๆ ก็เพิ่มความสะดวกและอัตราพิเศษให้เรามากขึ้น เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะเอาบัญชีธนาคารไหนผูกดี ลองดูแล้วเลือกด้วยตัวเอง ถ้าจะสมัครทั้งที มันก็ต้องเลือกที่ดีที่สุดกันด้วยนะ

สวัสดี

Staring 

•สิงหาคม 22, 2016 • ให้ความเห็น

Watch 

•สิงหาคม 21, 2016 • ให้ความเห็น

Lines 

•สิงหาคม 18, 2016 • ให้ความเห็น

Tree

•สิงหาคม 18, 2016 • ให้ความเห็น

Have you ever been in a moment of ….? 

•กุมภาพันธ์ 5, 2016 • ให้ความเห็น

This feeling is called … bird 

Bird is free 

Bird is flying

Bird releases 

Bird goes around 

It’s the feeling called bird.